
การวิ่งมาราธอนไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำไม่ได้เหมือนกัน หากแต่ก่อนที่คุณจะบอกตัวเองว่า คุณพร้อมแล้วสำหรับการวิ่งมาราธอน ให้ลองเช็คตัวเองก่อนว่า คุณได้ทำสามสิ่งนี้แล้วหรือยัง
- ฝึกซ้อมอย่างเป็นระบบและเหมาะสม
ไม่ว่าจะเป็นมากหรือน้อยเกินไป มันก็ไม่ดีทั้งนั้น ทุกอย่างต้องอยู่ในจุดที่พอดี การฝึกซ้อมก็เช่นกัน
ไม่ได้หมายความว่าคุณซ้อมหนักแล้วจะได้ผลลัพท์ที่ดี เพราะการเร่งตัวเองเกินไปรังแต่จะทำให้ร่างกายคุณอ่อนล้า แต่ถ้าหากคุณมั่นใจว่ามีการฝึกซ้อมที่ดี อย่างเป็นระบบมีการจัดตารางฝึกและพักผ่อนอย่างสมดุลย์กัน และร่างกายคุณพร้อม นั่นแหละคุณใกล้จุดหมายเข้าไปแล้ว
- ไม่ตั้งเป้าหมายเร็วเกินไป
อันที่จริงทุกคนก็มีเป้าหมาย และอยากจะบรรลุเป้าหมายนั้นเร็วๆ แต่เราไม่แนะนำให้คุณตั้งเป้าหมายอะไรที่เกินตัวเกินไปในช่วงแรก
คุณคงไม่สามารถใช้เวลาเดือนสองเดือนในการฝึกซ้อมและหวังจะลงวิ่งฟูลมาราธอน การลงแข่งน่ะทำได้ แต่มันจะเป็นอันตรายหรือไม่หากคุณยังไม่พร้อมจริงๆ ให้ค่อยเป็นค่อยไปโดยการลงวิ่งระดับที่ระยะทางน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยไต่ระดับขึ้นไป โดยเวลาที่เหมาะสมที่คุณจะเพิ่มระยะทางวิ่งได้เมื่อไรไม่มีใครรู้ นอกจากสิ่งที่ร่างกายคุณแสดงออกมาเอง
ถ้าคุณวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตรได้อย่างไรปัญหา ก็ไม่ผิดอะไรที่งานหน้าคุณจะคิดว่าพร้อมแล้วสำหรับฟูล มาราธอน
- มีการฝึกฝนด้านสภาพจิตใจเบื้องต้น
การฝึกซ้อมเพื่อลงวิ่งมาราธอน มันต่างจากการวิ่งปกติ ตรงที่เราต้องฝึกสภาพจิตใจร่วมด้วยในหลายด้าน
ยกตัวอย่างบางคนสภาพร่างกายอาจจะพร้อมแล้วที่จะวิ่งฟูลมาราธอน แต่พอเอาเข้าใจจริงใจกับไม่สู้ซะอย่างนั้น หรือแม้กระทั่งคนที่ฝึกซ้อมมาอย่างหนักจนคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว แต่พอไปแข่งจริงกลับไม่ได้ผลลัพท์และเวลาตามที่หวัง ทำให้ผิดหวังจนคิดเลิกวิ่งไปเลยก็มี
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่เกิดขึ้นได้ทุกคน ถ้าเราใการฝึกซ้อมเรื่องสภาพจิตใจเบื้องต้นไว้ เราก็จะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไรปัญหา